เสียงที่ควรจะเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวระหว่างสองคน กลับกลายเป็นไวรัลที่ทั้งโรงเรียนเอาไปพูดต่อกันอย่างสนุกปาก
หลายคนอาจไม่คิดว่า หลุดคลิปเสียงนักเรียนหญิงตอนโทรคุยกับแฟน จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นภาพ ไม่มีฉากล่อแหลม แต่ในความจริง เสียงเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำร้ายชื่อเสียงและชีวิตนักเรียนหญิงคนหนึ่งได้อย่างร้ายแรง
สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยคือ การอัดเสียงสนทนาที่เต็มไปด้วยความลับ ความรู้สึก หรือคำพูดส่วนตัวที่ไม่ควรหลุดออกมาสู่สาธารณะ แล้วถูกนำมาแชร์ในกลุ่มไลน์หรือบน TikTok โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
เมื่อคลิปเสียงกลายเป็นอาวุธ: ทำไมเราควรกลัวมากกว่าที่คิด
เสียงของคนที่กำลังพูดถึงความรัก ความกลัว หรือแม้แต่ความไม่มั่นคงในชีวิตวัยรุ่น กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของคนดูในโลกออนไลน์
ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวขั้นรุนแรง แต่ยังทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจ โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ทุกคำพูดจากคนรอบข้างมีผลกระทบสูง
ที่สำคัญ คลิปเสียงไม่ต้องใช้ภาพเพื่อทำให้เกิดการเสพติดในเชิง voyeurism หรือการสอดรู้สอดเห็นแบบผิดปกติ เพราะแค่ “เสียง” ก็พอแล้วที่จะกระตุ้นจินตนาการ
“เสียงที่บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้ต่างจากกล้องที่จ้องมองโดยไม่ขออนุญาตเช่นกัน”
Q&A: คลิปเสียงหลุดผิดกฎหมายไหม? แล้วถ้าถูกแบล็กเมล์จากคลิปเสียงควรทำอย่างไร?
Q: แค่เสียง ไม่มีภาพ ยังถือเป็นคลิปหลุดได้ไหม?
A: ได้ หากเนื้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือมีเจตนาเผยแพร่เพื่อสร้างความอับอาย แม้ไม่มีภาพก็เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
Q: ถ้ามีคนเอาคลิปเสียงมาข่มขู่จะเอาไปปล่อย ต้องทำอย่างไร?
A: บันทึกหลักฐาน และแจ้งผู้ปกครองหรือครูทันที จากนั้นแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายฐานแบล็กเมล์และละเมิดข้อมูลส่วนตัว
Q: คนที่แชร์คลิปเสียงต่อผิดหรือไม่?
A: ผิดแน่นอน เพราะถือเป็นการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้แชร์ต่อมีความผิดเช่นเดียวกับผู้ที่เผยแพร่ครั้งแรก